Page 40 - 2
        P. 40
     32                                                       2  การพัฒนาหลักสูตรฐานสมรรถนะ
                      สรุปได้ว่า การพัฒนาหลักสูตรมุ่งที่จะให้ได้หลักสูตรที่ดีเหมาะสมตามสภาพแวดล้อม สังคมใน
             ยุคนั้น ๆ หลักสูตรที่ดีต้องพัฒนาผู้เรียนได้ทั้งในด้านความรู้ ความเข้าใจ เจตคติและทักษะความชำนาญ
             ดังนั้นในการพัฒนาหลักสูตร สิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องศึกษาอย่างมากคือ ข้อมูลพื้นฐานต่าง ๆ ซึ่งข้อมูล
             เหล่านี้จะเป็นรากฐานในการกำหนดจุดมุ่งหมายของหลักสูตร เนื้อหา สาระและประสบการณ์การเรียนรู้
             ของหลักสูตรนั้น ๆ ตลอดจนการนำเอาหลักสูตรไปใช้ เมื่อนำหลักสูตรไปใช้แล้วก็ต้องมีการประเมินผล
             หลักสูตรเพื่อหาข้อดีและข้อบกพร่องของหลักสูตรนั้น แล้วนำข้อมูลที่ได้ ไปปรับปรุงหลักสูตรให้เหมาะสม
             ต่อไป
                      สำหรับการพัฒนาหลักสูตรอาชีวศึกษาที่เน้นสมรรถนะ จะได้กล่าวรายละเอียดต่อไป
                   • การอนุมัติหลักสูตร
                      เมื่อสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สถาบันการอาชีวศึกษาและหรือสถานศึกษาได้
             ดำเนินการพัฒนาหลักสูตรใหม่ จะต้องนำเสนอหลักสูตรต่อคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเพื่อพิจารณา
             ให้ความเห็นชอบ จากนั้นจึงดำเนินการอนุมัติโดยเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ประกาศใช้
             โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รับรองคุณวุฒิของผู้สำเร็จการศึกษาโดยสำนักงาน
             คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) จัดทำฐานข้อมูลและเผยแพร่หลักสูตรต่อไป
                      สำหรับรายละเอียดของกระบวนการข้างต้น จะได้กล่าวรายละเอียดต่อไป
               มาตรฐานอาชีพกับหลักสูตรฐานสมรรถนะ
                      การพัฒนาหลักสูตรฐานสมรรถนะสำหรับการจัดการอาชีวศึกษานั้น ขั้นตอนสำคัญคือต้องนำ
             มาตรฐานอาชีพหรือมาตรฐานสมรรถนะ (Occupational Standards /Competency Standards) ของ
             อาชีพที่เลือกว่าจะพัฒนาหลักสูตรมาเป็นแกนหรือเป็นหลักในการจัดทำ ในกรณีที่มีมาตรฐานอาชีพ
             อยู่แล้วจะต้องนำมาทวนสอบ (Verify) และปรับให้เข้ากับสภาพงานหรืออุตสาหกรรมท้องถิ่น หากยังไม่มี
             มาตรฐานอาชีพนั้นจะต้องกำหนดมาตรฐานอาชีพก่อน โดยเริ่มจากการวิเคราะห์งานที่คนในอาชีพนั้น
             จะต้องปฏิบัติจริง ๆ  ซึ่งในปัจจุบันนิยมใช้การวิเคราะห์หน้าที่ (Functional Analysis) ซึ่งจะวิเคราะห ์
             ตั้งแต่ความมุ่งหมายหลัก บทบาทหลัก หน้าที่หลัก หน่วยสมรรถนะและสมรรถนะย่อย รวมทั้งเกณฑ์การ
             ปฏิบัติงาน ขอบเขต หลักฐานการปฏิบัติงานและหลักฐานความรู้ที่ต้องการ ตลอดจนแนวทางการ
             ประเมิน เพื่อสรุปเป็นมาตรฐานอาชีพหรือมาตรฐานสมรรถนะ แล้วนำข้อมูลนั้นมาแปลงเป็นหลักสูตร
             ฐานสมรรถนะ
     	
